อายุมีผลต่ออัตราความสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้ว IVF และ ICSI อย่างไร
อัตราความสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF – In Vitro Fertilization) และ ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) มีความสัมพันธ์กับอายุของผู้หญิงที่เข้ารับการรักษาภาวะมีบุตรยาก งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ผู้หญิงที่อายุน้อยกว่ามีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่า เนื่องจากไข่มีคุณภาพดีกว่า และเมื่ออายุมากขึ้น คุณภาพของไข่จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ มาดูกันว่าผลการศึกษาต่างๆ บอกอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอายุกับอัตราความสำเร็จของการรักษาภาวะมีบุตรยาก
อายุต่ำกว่า 35 ปี (ช่วงที่มีภาวะเจริญพันธุ์สูงสุดและอัตราความสำเร็จสูงที่สุด)
งานวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 35 ปี มีโอกาสประสบความสำเร็จในการทำ IVF และ ICSI สูงที่สุด โดยทั่วไปแล้วอัตราความสำเร็จอาจอยู่ที่ประมาณ 32%-50% ต่อรอบการรักษา ข้อมูลจาก VARTA (Victorian Assisted Reproductive Treatment Authority) ระบุว่า ผู้หญิงที่อายุไม่เกิน 35 ปี มีโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จประมาณ 47% หลังจากการทำ IVF หนึ่งรอบ ปัจจัยที่ช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้นคือการมีไข่จำนวนมาก (ovarian reserve) และไข่มีสุขภาพดีพร้อมมีความผิดปกติทางพันธุกรรมต่ำ
อายุ 35-37 ปี (อัตราความสำเร็จเริ่มลดลง)
ในช่วงอายุ 35-37 ปี อัตราความสำเร็จของ IVF และ ICSI จะเริ่มลดลงเหลือประมาณ 35% ต่อรอบการรักษา สาเหตุหลักเกิดจากปริมาณไข่ที่ลดลง และอัตราการเกิดความผิดปกติของโครโมโซมในไข่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ตัวอ่อนมีโอกาสฝังตัวและตั้งครรภ์ได้น้อยลง (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Human Reproduction Journal Study)
อายุ 38-40 ปี (อัตราความสำเร็จลดลงอย่างชัดเจน)
สำหรับผู้หญิงที่มีอายุ 38-40 ปี โอกาสสำเร็จของ IVF หรือ ICSI จะลดลงเหลือเพียง 25%-30% ต่อรอบการรักษา ดร. Yanguang Wu นักวิทยาศาสตร์ด้านตัวอ่อนจาก Centre for Human Reproduction ในนิวยอร์ก ยืนยันว่าการลดลงของอัตราความสำเร็จในช่วงอายุนี้ เกิดจากคุณภาพของไข่ที่แย่ลง รังไข่ตอบสนองต่อการกระตุ้นลดลง และมีความเสี่ยงแท้งสูงขึ้น
อายุ 41-42 ปี (อัตราความสำเร็จลดลงอย่างรวดเร็ว)
เมื่อเข้าสู่อายุ 41-42 ปี อัตราความสำเร็จของการทำ IVF และ ICSI จะลดลงอย่างมาก เหลือเพียง 15%-20% ต่อรอบการรักษา คุณภาพของไข่ลดลงอย่างชัดเจน และความผิดปกติของโครโมโซมพบได้บ่อยขึ้น ทำให้มีอัตราการฝังตัวล้มเหลวและการแท้งสูง
อายุ 42 ปีขึ้นไป (อัตราความสำเร็จต่ำที่สุด)
งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า เมื่ออายุเกิน 42 ปี อัตราความสำเร็จของการทำ IVF และ ICSI จะลดลงต่ำกว่า 10% ต่อรอบการรักษา คุณภาพของไข่ลดลงอย่างรุนแรง และมีโอกาสเกิดความผิดปกติของโครโมโซมสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้โอกาสฝังตัวของตัวอ่อนล้มเหลวและเกิดการแท้งสูง
วิธีเพิ่มโอกาสสำเร็จ
แม้ว่าความท้าทายจากอายุที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อโอกาสตั้งครรภ์ แต่ยังมีวิธีที่สามารถช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จ เช่น
- การตรวจคัดกรองพันธุกรรมก่อนการฝังตัว (PGT) – ช่วยคัดเลือกตัวอ่อนที่มีสุขภาพดีและลดความผิดปกติของโครโมโซม ทำให้เพิ่มโอกาสในการฝังตัว
- การบริจาคไข่ – การใช้ไข่จากผู้บริจาคที่อายุน้อยกว่า สามารถช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จของการตั้งครรภ์ได้อย่างมาก
หากคุณและคู่ของคุณกำลังประสบปัญหามีบุตรยาก และกำลังพิจารณาว่าการทำ IVF หรือ ICSI สามารถช่วยได้หรือไม่ สามารถติดต่อเราได้ที่ DHC IVF Clinic ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำปรึกษาและออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้คุณมีโอกาสตั้งครรภ์สูงที่สุด ติดต่อเราได้เลยวันนี้!