กระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ในประเทศไทยใช้เวลานานเท่าไหร่?
การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ถือเป็นเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด และได้รับการยอมรับว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในหลายประเทศทั่วโลก ด้วยความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญของบุคลากรทางการแพทย์ ประเทศไทยจึงกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายของผู้ที่มองหาการรักษาภาวะมีบุตรยากจากทั่วโลก ด้วยคุณภาพที่ดีเยี่ยมควบคู่กับราคาที่เข้าถึงได้
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะเจริญพันธุ์ของ DHC IVF Clinic ได้จัดทำคู่มือฉบับย่อเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับระยะเวลาโดยรวมของกระบวนการ IVF ในประเทศไทย ตามมาตรฐานทางการแพทย์และแนวทางการดูแลที่อิงหลักฐานวิทยาศาสตร์
ปรึกษาและตรวจประเมินเบื้องต้น (1–2 สัปดาห์)
กระบวนการเริ่มต้นด้วยการพบแพทย์เฉพาะทางด้านมีบุตรยาก เพื่อซักประวัติ ตรวจร่างกาย และทำการตรวจประเมินภาวะเจริญพันธุ์อย่างครบถ้วน โดยทั่วไปตามแนวทางของ American Society for Reproductive Medicine (ASRM) ระยะเตรียมความพร้อมนี้จะใช้เวลาประมาณ 1–2 สัปดาห์ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล
การกระตุ้นรังไข่ (10–14 วัน)
หลังประเมินเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการกระตุ้นรังไข่ด้วยการฉีดฮอร์โมน เพื่อกระตุ้นให้รังไข่ผลิตไข่หลายใบ เพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิ โดยแพทย์จะติดตามผลอย่างใกล้ชิดด้วยอัลตราซาวด์และการตรวจเลือดเป็นระยะ เพื่อดูการเจริญเติบโตของฟอลลิเคิลและระดับฮอร์โมน ซึ่งการดูแลอย่างใกล้ชิดในช่วงนี้มีผลโดยตรงต่ออัตราความสำเร็จของ IVF (CDC)
การเก็บไข่ (1 วัน)
ขั้นตอนการเก็บไข่เป็นหัตถการที่ปลอดภัยและไม่เจ็บมาก โดยใช้เวลาประมาณ 20–30 นาที ภายใต้การให้ยาระงับความรู้สึก โดยแพทย์จะใช้เครื่องอัลตราซาวด์ช่วยนำทางเพื่อดูดเก็บไข่ที่เจริญแล้ว หลังจากนั้นผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถพักฟื้นและกลับไปทำกิจวัตรได้ภายใน 24 ชั่วโมง
การปฏิสนธิและพัฒนาเอ็มบริโอ (3–5 วัน)
หลังจากเก็บไข่ จะทำการปฏิสนธิในห้องปฏิบัติการ โดยนักชีววิทยาระดับเชี่ยวชาญ ซึ่งอาจเลือกใช้เทคนิค IVF แบบดั้งเดิม หรือการฉีดอสุจิเข้าเซลล์ไข่ (ICSI) ตามความเหมาะสม จากนั้นตัวอ่อนจะได้รับการเลี้ยงดูและเฝ้าติดตาม 3–5 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าตัวอ่อนพัฒนาได้อย่างสมบูรณ์ โดยข้อมูลจาก CDC ระบุว่า อัตราการปฏิสนธิอยู่ที่ประมาณ 70–85%
การย้ายตัวอ่อน (1 วัน)
การย้ายตัวอ่อนเป็นขั้นตอนที่ไม่เจ็บและไม่ต้องวางยาสลบ ใช้เวลาประมาณไม่เกิน 15 นาที โดยแพทย์จะสอดสายพิเศษผ่านปากมดลูกเพื่อนำตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก หลังการย้าย ควรพักผ่อนและหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงมากตามคำแนะนำของ WHO เพื่อเพิ่มโอกาสการฝังตัวของตัวอ่อน
ช่วงรอผล (ประมาณ 14 วัน)
หลังการย้ายตัวอ่อน จะเข้าสู่ช่วงที่เรียกว่า “สองสัปดาห์แห่งการรอคอย” ซึ่งเป็นช่วงที่หลายคนรู้สึกตึงเครียดจากความไม่แน่นอน DHC IVF Clinic แนะนำให้ผู้ป่วยให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจิตและร่างกาย เช่น ฝึกผ่อนคลาย ออกกำลังกายเบาๆ และใช้เวลากับสิ่งที่ทำให้รู้สึกดี เพื่อช่วยลดความเครียด ซึ่งข้อมูลจาก American Psychiatric Association ก็สนับสนุนถึงผลของความเครียดต่อผลลัพธ์ของการรักษาภาวะมีบุตรยาก
ตรวจการตั้งครรภ์และติดตามผล (1 วัน)
ประมาณ 14 วันหลังการย้ายตัวอ่อน แพทย์จะทำการตรวจเลือดเพื่อตรวจการตั้งครรภ์ และให้คำแนะนำต่อไปตามผลที่ได้รับ โดยอัตราการตั้งครรภ์ต่อรอบ IVF อยู่ระหว่าง 30–50% (สถิติจาก CDC และ WHO)ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุของผู้หญิง คุณภาพตัวอ่อน และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย
นัดปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญวันนี้
หากคุณกำลังวางแผนทำ IVF หรือต้องการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะคุณ สามารถนัดหมายเพื่อเข้าปรึกษาเบื้องต้นกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ DHC IVF Clinic เราพร้อมให้คำแนะนำและดูแลคุณตลอดเส้นทางแห่งความหวังในการมีบุตร